วันจันทร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2557

DIY รองเท้าเด็กทารก : วิธีการเย็บรองเท้าเด็กด้วยมือ ตอนที่ 2

สวัสดีค่ะ วันนี้มาช้านิดนึง เมื่อเช้าแวะไปซื้อผ้ามาทำกระโปรงเตียง กับผ้าปูที่นอนให้ลูกสาว สรุปผ้าที่ได้ไม่พ้นสีฟ้าเพราะคุณแม่กับคุณพ่อไม่ชอบสีชมพูจริงจัง ฮ่าๆๆ  

เรามาเข้าสู่ขั้นตอนการเย็บกันเลยดีกว่าค่ะ  หากใครมีจักรก็จะเร็วขึ้นค่ะ

ใครยังไม่ได้อ่านตอนที่ 1 แวะไปได้ตามลิ้งค์นี่เลยค่ะ
http://lazyhousewifesewingcooking.blogspot.com/2014/04/diy-1.html


ขั้นตอนการตัดเย็บ


1.  นำผ้าส่วนที่เป็นตัวรองเท้ามาเย็บติดกัน โดยวางผ้าด้านถูกเข้าหาด้านถูก ใช้เข็มหมุดกลัดให้รอยที่กลิ้งเฉพาะเส้นบนที่ปรางกลัดไว้ เย็บให้ติดกันตลอดแนวที่กลัดไว้ค่ะ ปรางใช้วิธีด้นถอยหลังค่ะ
**เย็บให้เลยส่วนที่กลิ้งไปสัก 1 ซม.นะค่ะเวลากลับผ้าจะได้ไม่หลุด

9


2. ตัดผ้าให้ห่างจากตะเข็บสัก 1 ซม. แล้วคลิบผ้าที่มุมให้เกือบถึงรอยเย็บตามรูป ทำทั้งสองฝั่งนะค่ะ เพื่อเวลากลับด้านจะได้เป็นมุมสวย ไม่ย่นค่ะ

10


3. จับผ้ากลับด้าน แล้วออกมาเป็นแบบนี้ค่ะ ถ้าผ้าย่นที่มุมก็ลองเช็คมุมอีกทีว่าคลิบดีหรือยังนะค่ะ ถ้าจะให้ผ้าเรียบสวยขึ้นก็รีดกดสักหน่อยค่ะ

11


4. ทำการมารค์จุดที่รองเท้าต้องมาไขว้กันค่ะ  โดยใช้แพทเทรินตัวเดิมจุดที่มาร์คคือ มุมฉากของของเส้นขนานที่มีส่วนยื่นขึ้นไป ตามรูปค่ะ

12


5.   คราวนี้เรามาต่อกันที่มุมส้นเท้าด้านบนกันค่ะ  หาจุดกลึ่งกลางของส้นเท้าด้านหลังมาร์คไว้ ในรูปมันมองไม่เห็นเท่าไรค่ะ ที่เป็นจุดดำๆด้านบน เย็บยาว 5 ซม. (ออกไปด้านละ 2.5 ซม.จากจุดกึ่งกลาง) 
** ห้ามเย็บด้นถอยหลังค่ะเพราะอีกด้านจะไม่สวย ปรางใช้เนาถี่ไปหนึ่งรอบ และวนกลับอีกรอบให้ด้ายทับกันสนิท

และตัดยางยืดยาว 4 ซม.ติดเข็มกลัดตัวเล็กที่ปลายด้านหนึ่งแล้วสอดไปตามรูปค่ะ  เย็บขึงที่ปลายทั้งสองด้าน การใส่ยางยืดจะทำให้ส้นกระชับขึ้นค่ะ
**เย็บยางยืดเพื่อตะเข็บด้านละไม่เกิน 0.5 ซม นะค่ะ

13

6. เนาส่วนหน้าที่เรามาร์คไว้ตอนขั้นตอนที่ 4 ค่ะ โดยเอาด้านหน้ามาไขว้กันและเนาล็อคไว้ค้ะ ปรางใช้ด้ายสีอ่อนพอมองเห็นไหมค่ะ 

14


7.  นำส่วนที่เป็นพื้นรองเท้าด้านนอกมามาร์คไว้ 4 ซม. เพื่อสำหรับการกลับผ้าค่ะ

22


8.นำผ้าส่วนที่เป้นพื้นรองเท้าด้านใน กับชิ้นผ้ารองที่เป็นผ้านิ่มๆ มาเนาติดกันค่ะ 

19

9.  ขั้นตอนการประกอบส่วนรองเท้าเข้ากับพื้นรองเท้าค่ะ ขั้นตอนนี้ต้องใจเย็นนะค่ะ เส้นที่กลิ้งไว้ต้องให้ตรงกันทั้ง 3 ชิ้นนะค่ะ 

เวลาวางก็เอาส่วนที่เป็นพื้นด้านที่จะเอาเข้าในรองเท้าขึ้นก่อน โดยหงานด้านถูกขึ้นนะค่ะ
ตามด้วยส่วนที่เป็นตัวรองเท้า 
และตามด้วยส่วนที่เป็นพื้นรองเท้าด้านนอก อันนี้ให้เอาด้านผิดขึ้นนะค่ะ เพราะเด๋วเราจะทำการกลับผ้าขึ้นมา

16

10. เย็บรอบที่กลิ้งไว้ โดยเว้นส่วนที่เรามาร์ค 4 ซม. ในขั้นตอนที่ 7 ค่ะ  เมื่อเย็บรอบแล้วให้ตัดผ้าส่วนเกินทิ้ง ให้เหลือแค่ 1 ซม. จากตะเข็บ แล้วทำการคลิบผ้าให้รอบค่ะ

ในรูปปรางคลิบไปแล้วแต่อาจจะมองไม่เห็น สังเกตตรงผ้าที่ติดดับนิ้วปรางค่ะ จะมีรอยคลิบเล็กๆอยู่ ให้ทำอย่างนั้นรอบผ้าเลยค่ะ  **ยกเว้นตรง 4 ซม.ที่เราเว้นไว้นะค่ะ

23


11. ทำการกลับผ้าขึ้นมาค่ะ  โดยดึงส่วนที่เป็นพื้นรองเท้าสีขาว กับสีจริงด้านนอกออกมาค่ะ แล้วดันมุมให้สวยงามก็จะออกมาเป็นแบบนี้ค่ะ

25


12.  เย็บสอยส่วนที่เราเว้นไว้ค่ะ สอยถี่ๆ นะค่ะจะได้ไม่ลุ่ย เท่านี้ก็เป็นการเสร็จเรียบร้อยค่ะ

24




เป็นไงค่ะ ไม่ยากอย่างที่คิดใช่ไหมค่ะ ถ้าเพื่อนๆคนไหนมีอะไรสงสัยเข้าไปถามได้ในเฟสบุคนะค่ะ
https://www.facebook.com/Guna.lazyhousewife
ใครทำเสร็จแล้วเอามาให้ชมบ้างนะค่ะ ^___^

26


วันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2557

DIY รองเท้าเด็กทารก : วิธีการเย็บรองเท้าเด็กด้วยมือ ตอนที่ 1

เข้าไปชมผลงานของปรางได้เพิ่มเติมที่https://www.facebook.com/Guna.lazyhousewife

สวัสดะค่ะ ห่างหายจากการทำริวิวซะนาน ช่วงนี้คุณแม่ไม่ค่อยฟิตเหมือนเมื่อก่อนแล้ว 55+
อาทิตย์นี้ก็เข้าเดือนที่ 5 แล้วค่ะ เดินเหินเริ่มช้าลง อึดอัดเบาๆล่ะ แต่ก็มีความสุขนะค่ะ พูดคนเดียวทั้งวัน ไม่ใช่สิพูดกับลูก ฮ่าๆๆๆ

วันนี้ริวิวที่จะทำอันแรก คือ รองเท้าเด็กทารกค่ะ ปรางเห็นราคาที่ขายกันแล้ว ลมจะจับค่ะ ไม่เข้าใจว่าทำไมแพงจัง เด็กยังไม่ถึงขวบเดินก็ยังไม่ได้ วัสดุที่ใช้ทำก็เป็นผ้าไม่ได้เย็บซับซ้อนเท่าไร เลยคิดว่าทำเองดีกว่า ประหยัดและภูมิใจด้วย

ปรางมีชุดเดรสผ้าดีๆก็เยอะ จะขายก็เสียดายไม่คุ้มราคา ก็ตัดสินใจแล้วว่าจะเอามาทำเป็นชุดเด็กให้หมด
เช่นตัวนี้ค่ะ ผ้าดีมาก ลายถูกใจสุดๆ ปรางชอบผ้าลายๆค่ะ สีไม่ต้องแรง ไม่หวาน เสื้อผ้าก็จะมีแค่แนวๆนี้ค่ะ

old
ชอบลายผ้ามากๆ ทรงเดรสไม่ค่อยชอบเท่าไร 55+

พอได้ผ้าที่ถูกใจแล้วก็มาหาแบบที่ต้องการจะทำออกมา เดินดูตามห้าง แบบสวยๆก็มีเยอะ มีหลายแบบมากๆที่อยากทำ แต่ต้องบอกตัวเองใจเย็นๆ เด็กทารกใส่แป๊ปเดียวก็ต้องเปลี่ยนไว้ค่อยทำตอนโตดีกว่า


Baby girl shoes

สุดท้ายก็มาจบกับรองเท้าเด็กทรงนี้ค่ะ เพราะปรางคิดว่าใส่ง่าย ไม่อึดอัด ไม่อยากเอาอะไรมามัดข้อเท้าน้อง เอาจริงๆคงใส่ไม่นานหรอก แต่แม่ตั้งใจทำให้ แค่ลูกใส่ให้ดูทีเดียวแม่ก็ดีใจแล้ว

เอาล่ะมาสู่วิธีการทำกันเลยดีกว่า อยากแรกอุปกรณ์ที่ต้องใช้ทั้งหมด งานนี้ปรางขอเป็นการเย็บมือทั้งหมด เพราะสัญญากับคุณแม่หลายๆท่านไว้ว่าจะไม่ใช้อุปกรณ์มาก คุณแม่บางคนไม่มีจักรเย็บผ้าด้วย ครั้นจะซื้อใหม่ก็นะ ลองทำดูก่อนดีกว่าว่าชอบทำงานฝีมือไหม ถ้าชอบคราวหน้าก็เย็บจักรได้เลยค่ะ

ปรางขอแบ่งเป็น 2 ตอนนะค่ะ รูปเยอะเวลาวางแล้วมันชอบเด้งไปคนละทิศคนละทาง
ตอนที่ 1 คือการทำแพทเริน กับ การตัดผ้าเตรียมตัด
ตอนที่ 2 คือขั้นตอนการตัดเย็บ

อุปกรณ์ที่ใช้ค่ะ 

1

1. กระดาษที่ใช้ทำแพทเทริน ปรางใช้เอสี่ธรรมดาค่ะ
2. ดินสอ+ยางลบ+ไม้บรรทัด
3. กรรไกรตัดกระดาษ
4. กระดาษาคาร์บอน สำหรับงานผ้านะค่ะ อย่าใช้กระดาษก๊อปปี้ทั่วไปนะค่ะ แบบนั้นมันซักไม่ออกค่ะ
5. ตัวกลิ้งกดผ้า จะใช้แบบเป็นฟันปลา ฟันมน แบบไหนตามใจเลยค่ะ
6. กรรไกรตัดผ้า ที่ไม่ใช้ตัวเดียวกับที่ตัดกระดาษเพราะมันจะเสียคมค่ะ
7. เข็ม+ด้าย
8. เข็มหมุด
9. ผ้าที่ใช้ทำรองเท้าจะใช้สีเดียวกันทั้งด้านในด้านนอกก็ได้ค่ะ ตามใจเลยค่ะ ตัดเองออกแบบเองเลยค่ะ มันดีตรงนี้แหละ ฮ่าๆๆ ปรางใช้สีผ้าตัวนอก สีขาวด้านในค่ะ
10. ผ้านุ่มเอาไว้ทำพื้นรองเท้า ปรางเอามาจากเศษเสื้อคลุมค่ะ ถ้าไม่มีก็ไม่ใช้ก็ได้ค่ะแต่พื้นรองเท้าก็จะบางนิดนึง  **ปรางว่าใช้ผ้าขนหนูบางๆก็น่าจะได้นะค่ะ
11. ยางยืด 0.5 cm ค่ะ ลืมถ่ายรูปมาด้วย T_T


การทำแพทเทรินรองเท้าเด็ก

**ชิ้นนี้จะอยู่ที่ 9.5 ซม. เหมาะสำหรับเด็ก 0-3 เดือนค่ะ

1.  วาดกราฟ ช่องละ 1 ซม. และทำการวาดตามรูปเลยค่ะ สีฟ้าคือช่วงนิ้วเท้า สีชมพูคือส้นเท้าค่ะ
2
2. ทำการแต่งเส้นตามรูปค่ะ

3

3.  อันนี้คือทำตัวรองเท้า

4


4.  พับกระดาษที่ครึ่งของ A-B คือ 12 ชม. พับไปด้านหลังเพื่อทำการลอกลายจะได้ไม่ต้องเสียเวลาวาดสองรอบหัวท้าย
6

5. ตัดแพทเทรินออกและนำไปกลัดบนผ้า ผ้าให้เอาด้านผิดชนกับด้านผิดนะค่ะ
**ด้านผิด คือ ด้านใน ด้านถูกคือด้านนอก**
 7


6.  ตัดผ้ารอบๆแพทเทรินให้เหลือบขอบประมาณ 2 ซม.โดยรอบนะค่ะ ตามรูปค่ะ เวลากดผ้าให้เอากระดาษคาร์บอนผับครึ่งให้ด้านถูกอยู่นอกทั้งสองด้านและสอดไปตรงกลางแล้วค่อยกลิ้งนะค่ะ คราวนี้กลิ้งที่เดียวก็ได้ 2 ชิ้นเลยค่ะ

8

7.  ตัดผ้าทั้งหมด 10 ชิ้นนะค่ะ มีพื้นรองเท้า 6 ชิ้น และตัวรองเท้า 4 ชิ้นค่ะ

all



พรุ่งนี้เรามาเริ่มตัดเย็บกันนะค่ะ  วันนี้ปรางขอตัวไปช๊อปปิ้งก่อนค่ะ ^__^


เข้าไปชมผลงานของปรางได้เพิ่มเติมที่  https://www.facebook.com/Guna.lazyhousewife นะค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2557

การจดทะเบียนสมรสกับชาวต่างชาติ

สวัสดีค่ะ ห่างหายไปสักพักเพราะเพิ่งไปทำเรื่องจดทะเบียนสมรสกับแฟนมา กว่าจะเสร็จเรื่องก็เอาเหนื่อยพอสมควร เพราะด้วยความที่เราไม่รู้อะไรเท่าไร ก็เลยคิดว่าน่าจะเขียนข้อมูลไว้เพื่อใครกำลังต้องการข้อมูลจะได้ง่ายขึ้น

ปรางขอแบ่งขั้นตอนไว้ 3 ขั้นตอนนะค่ะ เพราะคุณต้องไปทำเรื่องทั้งหมด 3 แห่ง เอกสารก็จะต่างกัน ทั้งหมดนี้สามารถทำเสร็จภายใน 1 วัน (ถ้ามีอารมณ์รอนะค่ะ) ของปรางใช้เวลา 2 วันค่ะ
ทำขั้นตอนที่ 1 กับ 2 วันเดียวกัน และค่อยไปทำขั้นที่ 3 ทีหลัง

ขั้นตอนที่ 1 การขอใบรับรองโสดของฝ่ายคู่สมรสชาวต่างชาติ

เอกสารชิ้นแรกที่สำคัญที่สุดคือใบรับรองโสดจากสถานทูตของประเทศแฟน
 ของปรางแฟนเป็นชาวไอริชค่ะ สิ่งแรกที่ทำคือเข้าเว็บของสถานทูตก่อนรายละเอียดวิธีการขอ

ของแฟนเราต้องโหลดเอกสารมากรอกและส่งเมลล์ไปหาสถานทูตก่อนว่าต้องการขอใบโสด ทางสถานทูตจะนัดวันให้เค้าไปรับ ประมาณ 2 อาทิตย์หลังจากวันที่เราส่งเมลล์ไปค่ะ วันที่ไปถึงก็กรอกเอกสารรายละเอียดก็เหมือนปกติทั่วไป แต่มีต่างที่ต้องใส่นามสกุลเดิมของแม่ก่อนแต่งงานค่ะ ทั้งฝ่ายชายและผ่ายหญิงเลยค่ะ

 เอกสารที่ใช้ประกอบการยื่น
1. พาสปอตตัวจริงฝ่ายชาย
2. ใบเกิดตัวจริงฝ่ายชาย
3. เสตทเม้นย้อนหลัง 6 เดือน หรือ หนังสือรับรองเงินเดือนจากบริษัท
4. พาสปอตตัวจริงฝ่ายหญิง หรือ ใบเกิดที่แปลเป็นภาษาอังกฤษ
ค่าเสียหาย 2,520 บาทค่ะ แพงจริงแต่เร็วจริง 30 นาทีเสร็จ

ในส่วนนี้ของแต่ละประเทศอาจจะไม่เหมือนกัน ดังนั้นแน่นอนที่สุดคือการเข้าเว็บของสถานทูตประเทศนั้นๆในไทย และเช็คดูว่าเค้าจ้องให้เราทำอย่างไรค่ะ


ขั้นตอนที่ 2 แปลใบรับรองโสดเป็นภาษาไทย และ นำไปประทับรับรองการแปลจากตรากงศุล

การแปลสามารถไปแปลได้ที่หน้ากงศุลเลยค่ะ เพราะจะมีบริษัทแปลมายืนรออยู่แล้ว ราคาก็ตกลงกันเอาเท่าที่ได้ยินมาอยู่ประมาณ 500-800 บาท แต่ของปรางได้ที่ 500 บาทค่ะ รอสัก 15 -30 นาทีก้ได้มาเรียบร้อย

หลังจากนั้นก็ไปมอบเอกสารให้เจ้าหน้าที่ตรวจ และรับบัตรคิว ขั้นตอนนี้เอกสารที่จะต้องยื่นมี
1. ใบรับรองโสดต้นฉบับภาษาอังกฤษ
2. ใบรับรองโสดฉบับแปลมาเรียบร้อย
3. สำเนาบัตรประชาชนของผู้ยื่นเรื่อง ถ้าแฟนไปด้วยก็ให้แฟนยื่นเรื่องเอง ใช้แค่สำเนาพาสปอต (แต่ถ้าไปทำเรื่องคนเดียวก็ใช้สำเนาบัตรประชาชน)
4. ใบคำร้องของการประทับตรา (ไม่รู้ว่าชื่อเรียกมันจริงๆคืออะไรนะค่ะ) ใบนี้มีทั้งภาษาไทยและอังกฤษ ก็ขึ้นอยู่ว่าใครเป็นคนไปยื่นเรื่อง

ขั้นตอนนี้ หากต้องการเอกสารด่วนให้แจ้งความจำนงไปเลยค่ะ ราคา 800 บาท รอ 4 ชม. ได้วันนั้นเลย
ถ้าไม่อยากรอก็แจ้งว่าเอาแบบธรรมดา ราคา 400 บาท รอ 2 ชม. และให้ส่งเอกสารที่ประทับตราไปที่บ้าน
***ยังไม่ต้องชำระเงินตรงนั้นนะค่ะ แค่แจ้งให้พนักงานทราบ

พอยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่แล้วก็รอต่อไป 2 ชม.เพื่อทำการตรวจ (นานไปไหมค่ะ อย่าลืมว่ายังไม่ได้บัตรคิวนะค่ะ แค่รอตรวจเอกสารเอาบัตรคิว)

ระหว่างรอก็ไปทานข้าวกลับขึ้นมาก็มารอต่ออีกหน่อย พนักงานก็จะเรียกชื่อ ถ้าคนไหนเลยคิวไปแล้ว พนักงานก็จะเรียกเรื่อยๆจนกว่าจะมาค่ะ

พอได้บัตรคิวก็ไปรอต่อแถวตามคิวค่ะ พอถึงคิวก็จะมีการตรวจเอกสารอีกรอบ! ไม่เข้าใจว่าเอาไปตั้ง 2 ชม. เอาไปทำอะไรค่ะ ........ ณ จุดนั้นให้แจ้งเลยว่าต้องการให้ส่งไปรษณีย์ หรือ จะกลับมารับเองภายในอีก 3 วัน

หลังจากนั้นรอชำระเงินอีกประมาณ 1 ชม. T_T  เพราะพนักงานจะทำการกรอกข้อมูลลงในคอมอีกครั้ง พอชำระเงินเสร็จ ก็ต้องรอใบเสร็จอีก 30 นาที ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมไม่ให้มาเลยตอนจ่ายเงิน!

พอได้ใบเสร็จก็กลับบ้านได้ค่ะ เอกสารก็ทิ้งไว้ในเค้าเอาไปประทับตรา สรุปว่าวันนั้นใช้เวลากับขั้นตอนที่ 2 ไปเกือบ 5 ชม. T_T ไม่อยากจะคิดว่าถ้าเอาด่วนต้องรอเพิ่มจากเดิมอีก 2 ชม. มันด่วนตรงไหนค่ะเนี่ย.......

**ปกติการไปประทับตราต้องไปที่กงศุสแจ้งวัฒนะ แต่ช่วงนั้นเหตุการณ์บ้านเมืองไม่ปกติเลยต้องไปทำมี่เซนทรัลบางนา ดังนั้นก่อนจะไปก็เชคดูนะค่ะว่าเค้าไปทำการที่ไหนแล้ว เพราะล่าสุดเหมือนจะย้ายไปที่เอดพลานาดรัชดาแล้ว

ขั้นตอนที่ 3 การจดทะเบียนสมรส

ขั้นตอนนี้ง่าย รวดเร็ว และถูกที่สุดในบรรดา 3 ขั้นที่กล่าวว่ามาค่ะ ปรางไปจดที่สำนักงานเขตบางรักค่ะ ไม่ได้ถืออะไรนะค่ะ แค่ได้ยินมาว่าที่นี่รู้ขั้นตอนการจดทะเบียนกับชาวต่างชาติมากที่สุด เลยตกลงไปที่นั่น

สิ่งที่ต้องเตรียมไปคือ
1. สำเนาบัตรประชาชนของฝ่ายหญิง 2 ฉบับ
2. สำเนาทะเบียนบ้าน 2 ฉบับ
3. สำเนาพาสปอตฝ่ายชาย 2 ฉบับ
4. สำเนาใบรับรองโสดทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย 2 ฉบับ (ถ่ายทั้งหน้าและหลังนะค่ะ เพราะตราประทับอยู่ด้านหลัง)
5. สำเนาหนังสือขออนุญาติทำงานในไทย 2 ฉบับ
6. พยาน 2 คน พร้อมสำเนาบัตรประชาชนของพยาน คนละ 1 ฉบับ ถ้าไม่มีไปด้วยก็ในพนักงานในนั้นได้แต่อาจต้องมีสินนำใจให้กันนิดหน่อยค่ะ
** ทุกอย่างเอาตัวจริงไปด้วยนะค่ะ

เอกสารที่ต้องกรอกที่อำเภอถ้าจำไม่ผิดจะมี 2 ใบค่ะ 
ใบแรกจะมีให้กรอกว่า  คู่สมรสอยู่กันมาก่อนไหม มีงานจัดงานแต่งหรือไม่ แต่งงานแล้วฝ่ายหญิงจะเปลี่ยนคำนำหน้าไหม ใช้นามกสุลสามีไหม

 ใบสองคือของสามี เรากรอกเองเลยค่ะ แค่ให้เค้าเซ็นรับรอง กรณีนี้ถือว่าเราเป็นล่ามเองด้วย ส่วนรายละเอียดก็ลอกตามใบรับรองโสดเลยค่ะ แค่เพิมเติมว่ามาไทยกี่ครั้ง ครั้งแรกเมื่อไร รอบนี้จะกลับเมื่อไร ถ้าจำวันไม่ได้ก็กรอกเอาคร่าวๆค่ะ

การจดทะเบียน 
เจ้าหน้าทีจะเรียกตามคิวไปรอหน้าห้องปลัด (เรียกถูกป่าวไม่รู้ 55+)  ระหว่างรอก็เซ็นเอกสารนิดหน่อย พอถึงคิว เจ้าหน้าที่ก็จะให้เราเช็คเอกสารอีกที่ว่าชื่อ ข้อมูลทั้งหมดถูกไหม ถ้าถูกก็เซ็นเลยค่ะ คุณปลัดก็จะเซ็นรับรองให้ พร้อมอวยพรให้

เอกสารที่เราจะได้ 

1. ใบสำคัญการสมรสมา 2 ใบ  ให้ฝ่ายชายเก็บไว้ 1 ใบ ฝ่ายหญิง 1 ใบ 

2. ใบทะเบียนสมรส จะได้ตัวจริง 1 ใบ พร้อมสำเนาอีก 2 ฉบับ  ตัวสำเนาพอเราจดทะเบียนปุ๊บพนักงานก็จะให้เราวิ่งออกไปถ่ายเอกสาร ณ ตอนนั้นเพื่อทำการประทับสำเนาถูกต้องให้เลย

ด้านหลังของใบทะเบียนสมรสจะแจ้งไว้ว่าต้องการเปลี่ยนนามสกุลหรือไม่ หากแจ้งไว้าว่าจะเปลี่ยนก็เอาไปยื่นที่อำเภอบ้านเกิดพร้อมเอกสารตัวที่ 3 ได้เลย ไปคนเดียวได้ไม่ต้องพาสามีไป แต่ หากตอนแรกแจ้งว่าไม่เปลี่ยนแล้วเกิดเปลี่ยนใจก็ต้องพาสามีไปด้วย เพื่อเซ็นรับรองว่ายอมให้ใช้นามสกุลเค้า

3. ใบขอเปลี่ยนการใช้คำนำหน้า ที่เราต้องไปไปยื่นที่อำเภอบ้านเกิดที่เรามีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน เพื่อทำการเปลี่ยนค่ะ


ก่อนกลับบ้านพนักงานจะทิ้งท้ายด้วยการขายปกใส่ทะเบียนสมรส ราคา 490 บาท มีให้เลือก 2 สี สีแดง กับ สีน้ำเงิน ไม่ซื้อก็ได้ค่ะแต่ปรางเห็นว่าพนักงานบริการดี ยิ้มแย้มเค้าขายเราก็เอาเถอะ เพราะค่าจดทะเบียนสมรสแค่ 40 บาทเอง 55+


เป็นไงค่ะ อ่านดูยุ่งยากนะ ก็จริงๆค่ะ 555+ เสียเวลากับการรอเยอะไปหน่อย แต่ก็คุ้มค่ะถือว่าได้สามีมาครอบครองแล้ว ฮ่าๆๆ